มะม่วงกะปิหวาน

ช่วงก่อนสงกรานต์แถวกาดหลวงมีรถเข็นขายมะม่วงน้ำปลาหวาน กะปิหวานหลายเจ้ามาก เมื่อก่อนมีเจ้าหนึ่งขายชุดละ 50 บาทกะปิหวานอร่อยมาก แต่มันแพงเกินไปพอหลังๆ มีขายหลายเจ้า เจ้านั้นก็เลยหายไปไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้ที่เชียงใหม่มีร้านมะม่วงน้ำปลาหวานเป็นแฟรนไชส์มีน้ำปลาหวานหลายรสชาติมีกะปิเผา น้ำปลาหวาน มีใส่น้ำพริกตาแดงด้วย แต่ว่าเราไม่ชอบเลย กลับยังติดใจรสชาติของกะปิหวานที่ซื้อข้างทางตรงอนุสาวรีย์ชัยฯ ไม่ได้ ไปทีไรต้องซื้อกลับมานั่งล้อมวงกันกินประจำ แต่ตอนนี้มาอยู่เชียงใหม่ก็เลยต้องทำกินเองออกบ่อยๆ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าจะหามะม่วงแบบเปรี้ยวสุดๆ ไม่ค่อยได้นอกจากมะม่วงน้ำดอกไม้ดิบ ขนาดมะม่วงแรดหรือแก้วดิบยังไม่ค่อยเปรี้ยวแถมซื้อมาแป็บเดียวก็หง่อมไว (สุกเร็ว)

ก็เลยให้น้องที่ร้านไปปีนเก็บมะม่วงที่หมู่บ้านเขามา เป็นต้นมะม่วงสาธารณะในหมู่บ้านเป็นลูกกลมๆ ไม่รู้ว่าพันธุ์อะไรลูกใหญ่เด็ดมาตอนอ่อนๆ เมล็ดยังเล็กๆ อยู่เลย ขอบอกว่าเปรี้ยวสะใจเหลือเกิน

เมื่อวานสั่งให้เด็ดมาอีกแต่มันเริ่มแก่แล้วเลยไม่ค่อยเปรี้ยวเท่าไหร่ แต่ก็พอหายอยาก บ่ายๆ นั่งอยู่ที่ร้านก็เลยขึ้นไปทำกะปิหวานมากิน

วิธีทำแสนง่าย

• ตักกะปิใส่ถ้วยเซรามิคประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นก็ตักน้ำตาลทรายสัก 3-4 ช้อนโต๊ะ ใช้ช้อนบี้ๆ หยอดน้ำเปล่าลงไปสักเล็กน้อยบี้ให้เข้ากันแล้วก็เอาเข้าไมโครเวฟ 1 นาที
• กลิ่นกะปิจะโชยออกมาจากไมโครเวฟฟุ้งกระจายถึงข้างล่าง ลูกค้าเดินเข้ามาบอกว่าหอมกลิ่นกะปิจัง
• เอากะปิออกจากไมโครเวฟแล้วก็คนๆ ให้เข้ากันลองชิมรสชาติดูว่าหวานพอหรือยัง ถ้ายังก็เติมน้ำตาลลงไปอีก เสร็จแล้วก็ใส่พริกป่นลงไปตามชอบ แค่นี้่ก็เสร็จแล้ว
• สูตรนี้เป็นสูตรไม่ใส่ผงชูรสด ปลอดภัย สะอาดกว่าซื้อจากข้างทาง กินได้สะดวกใจ
• บางครั้งถ้ามีน้ำปลาหวานก็เอามาผสมกันก็อร่อยอีกแบบ
• เคยอ่านเจอสูตรกะปิหวานแบบโบราณ เขาเอากะปิมาปั้นแล้วแผ่เป็นแผ่นบางๆ ตากแดด พอแห้งแล้วก็เอามาตำกับน้ำตาลใส่พริกป่น

• ถ่ายออกมาสีออกเหลืองเพราะไฟที่ร้านเป็นสีส้มๆ จริงๆ ยังขาวอยู่นะ วางปุ๊บก็โดนจกยังไม่ทันถ่ายรูปเลย

• แหมดูทำหน้าซิ จริงๆ ไม่เปรี้ยวเท่าไหร่หรอก แต่พี่เดียร์บอกว่ามันเค็มไปหน่อยเพราะมะม่วงมันไม่เปรี้ยวเหมือนคราวที่แล้ว

• ลำขนาดเลย